ภาพถ่าย

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

6 ข้อดีของผลไม้สารพัดส้ม

ไม่ใช่เพียงแค่ "ส้ม" แต่คือ "ผลไม้ตระกูลส้ม" (Citrus) ซึ่งหมายถึงผลไม้อื่น ๆ อีกหลายชนิด เช่น มะนาว เลมอน มะกรูด ส้มโอ เกรปฟรุต ฯลฯ มาดูประโยชน์ที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน

1 บำรุงผิว

ส้มเป็นผลไม้นางเอก เพราะพืชผลในครอบครัวส้มจะมีสารไฟโตนิวเทรียนต์มากมาย ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารกลุ่มฟลาวาโนนส์ สารแอนโธไชยานินส์ สารโพลีฟีนอลส์ และวิตามินซี ที่ช่วยทำให้ผิวสวยกระจ่างใสค่ะ

2 เสริมสร้างกระดูก

เชื่อหรือไม่ว่าน้ำส้มสามารถให้แคลเซียม และวิตามินดีแก่ร่างกายได้ดีพอ ๆ กับนม และแคลเซียมจะไปเสริมสร้างกระดูก แต่ถ้าไม่มีวิตามินดี ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้ นอกจากนี้ น้ำส้มยังมีวิตามินซี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกระบวนการดังกล่าวอีกด้วย แต่จำไว้ว่า กรดอะซีติกในผลไม้จำพวกนี้อาจทำลายสารเคลือบฟันได้ จึงไม่ควรแปรงฟันภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำผลไม้

3 ปกป้องหัวใจ

เปลือกของผลไม้ตระกูลส้มมีสารมหัศจรรย์อยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นคือการ Polymethoxylated Flavones (PMFs) และสาร D-Limonene ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอล ปรับระดับน้ำตาลในเลือด และกระตุ้นการกรองสารพิษของตับ นอกจากนี้ การศึกษายังชี้ว่า เม็ดสีในส้มเขียวหวานจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) โดยไม่ส่งผลต่อคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) แล้วก็อย่าเอ็ดไปนะคะ ความจริงแล้วเปลือกส้มอาจลดคอเลสเตอรอลได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะบางตัว ที่ขายกันตามท้องตลาดเสียอีก

4 ขับง่ายถ่ายคล่อง

ตำรับจีนมักจะเสิร์ฟเปลือกส้มคู่กับอาหาร เนื้อสัตว์ เพื่อย่อยอาหารที่มีไขมันสูง บางตำราแนะนำให้เริ่มวันใหม่ด้วยน้ำเลมอน 12 ออนซ์ ผสมกับน้ำกรองแล้วที่อุณหภูมิปกติ จะช่วยชะล้างของเสียในระบบย่อยอาหารและลำไส้ได้ เพราะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ

5 ดูแลสายตา

ผลไม้ตระกูลส้มอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยปกป้องแก้วตาจากโรคต้อกระจก และการศึกษายังพบว่าการบริโภควิตามินอีและซีในปริมาณมาก จะช่วยป้องกันโรคต้อกระจกได้ แม้แต่ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้สูง

6 อารมณ์ดี๊-ดี

จะทานก็ได้ จะดมก็ดี เพราะส้มมีสารโฟเลต ซึ่งจะช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนซีโรโทนิน อันเป็นสารแห่งความสุข กลิ่นของผลไม้ครอบครัวนี้ก็สามารถทำให้เราเบิกบานได้เช่นกัน ลองแต้มน้ำมันหอมที่สกัดจากผลไม้เหล่านี้บริเวณท้ายทอยสิคะ รับรองสดชื่นแน่นอน!

ที่มา http://www.oknation.net/blog/diamond/2012/04/11/entry-1

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับ อาหารอันตรายที่หลายๆคนชอบกิน


อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าการเลือกรับประทานอาหารในแต่ละ "เมนู" ของมนุษย์ จำเป็นต้องคัดสรรมากขึ้นเพราะปัจจุบันมี "อาหารอันตราย" ไม่ปลอดภัยต่อร่างกายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจากข้อ มูลของ"Team Content" สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริสุขภาพ(สสส.) พบว่า มี "เมนูโปรด"ของใครหลายคน ถูกจัดเป็น "อาหารอันตราย" อย่างน้อยๆ 10 ชนิด ได้แก่.....


 10. มันฝรั่งทอดหรือโปเตโต้ชิพ
การทอดโปเตโต้ชิพจะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท

 9. โดนัท
โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้

 8. ไอศครีม
มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น


 7. ชิ้นไก่เนื้อนุ่มไม่มีกระดูก
ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆการรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมันมีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส ทำให้ปวดศีรษะ

 6. น้ำอัดลม
สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วันกรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้

 5. พิซซ่า
พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด
-. เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น
-. แป้งที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไปใหม่
- ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน
- แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม
- มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้


 4. โอริโอ้ คุกกี้
ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ช็อกโกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น


 3. เฟรนช์ฟราย
เป็นอาหารที่มี “ความเป็นพิษสูง”การทอดเฟร้นช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท


 2. ฮอทด็อก
ฮอทด็อกทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%


 1. แฮมเบอเกอร์
ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ


ที่มา ... เด็กดี
(เคล็ดลับสุขภาพ)

เตือน "ซูชิ" มีคอเลสเตอรอล - สารปรอท



ใครที่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ คงต้องอ่านเรื่องนี้แล้วคิดใหม่เสียหน่อย เพราะรายงานข่าวจากเมืองผู้ดีระบุว่า ผู้คนใน อังกฤษกำลังหันมากินข้าวปั้นซูชิกันมากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อาหารญี่ปุ่นชนิดนี้ไม่ได้เป็นมิตรกับสุขภาพอย่างที่เข้าใจกัน

หลุยส์ ซัตตัน แห่งมหาวิทยาลัยลีดส์ เมโทรโพลิแทน บอกว่า ซูชิซึ่งมีทั้งหน้าปลาดิบ ไข่ หรือผัก อาจมีคอเลสเตอรอล เกลือ พยาธิตัวกลม สารปรอท และแบคทีเรีย ฉะนั้นควรเลือกกินอย่างชาญฉลาด

 คอเลสเตอรอล : ไข่ปลาค็อดที่แนมมากับซูชินั้น มีกรดไขมันโอเมกา-3ซึ่งช่วยป้องกันโรคหัวใจ แต่ไข่ปลาก็มีคอเลสเตอรอลสูง จึงไม่ควรกินคราวละมากๆ หรือกินบ่อยๆ หากเป็นคนที่มีคอเลสเตอรอลสูงอยู่แล้ว ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ควรกินซูชิเพราะมีกรดยูริกสูง ซึ่งจะทำให้อาการกำเริบ

 เกลือ : แม้ซูชิมีเกลือน้อย แต่ถ้าจิ้มซอสถั่วเหลืองจนชุ่มก็จะเป็นการเพิ่มเกลือ ซอสที่ใส่มาในถุงพร้อมซูชินั้น มีเกลือ 1กรัม คน เราไม่ควรได้รับเกลือเกินวันละ 6กรัม ฉะนั้น คนที่มีความดันโลหิตสูงจึงควรหลีกเลี่ยงซอสถั่วเหลือง หรือคนที่แพทย์แนะนำให้ กินอาหารที่มีเกลือน้อย

 พยาธิตัวกลม : รายงานวิชาการสองชิ้น ซึ่งนำเสนอต่อที่ประชุมของสมาคมศาสตร์ว่าด้วยกระเพาะอาหารและลำไส้อเมริกันเมื่อ เร็วๆ นี้ บอกว่าพบพยาธิตัวกลมในซูชิ เมื่อถูกย่อยในทางเดินอาหารของมนุษย์ ตัวอ่อนของพยาธิตัวกลมจะเกาะเข้ากับเยื่อบุกระ เพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และท้องร่วง ปลาดิบที่จะนำมาทำซูชิควรแช่แข็งที่อุณหภูมิลบ 20องศา เซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 24ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้พยาธิตาย

 สารปรอท : เมื่อปีที่แล้ว ผลวิจัยในวารสาร Biology Letters ในอังกฤษ เปิดเผยว่า ซูชิหน้าปลาทูน่าซึ่งมีขายตามร้านอาหารและ ซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐ มีสารปรอทสูงเกินระดับมาตรฐานด้านสาธารณสุข หากได้รับสารปรอทมากเกินไปจะส่งผลต่อระบบ ประสาท เช่น อัมพาตสมอง หูหนวก ตาบอด ดังนั้นหญิงมีครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงปลาบางชนิด เช่น เนื้อปลาทูน่าสด

แบคทีเรีย : แบคทีเรียที่พบบ่อยในซูชิเป็นชนิด สตาไฟโลค็อกคัส ออรีอุส ซึ่งเจอในข้าวมากกว่าในปลาดิบ หากข้าวปั้นถูกทิ้ง ไว้ที่อุณหภูมิห้อง แบคทีเรียในข้าวจะแบ่งตัว และเสี่ยงต่อโรคอาหารเป็นพิษ

การเลือกซื้อควรเลือกซูชิที่สดใหม่ กินหมดภายในเวลาที่กำหนด และเก็บแช่ในตู้เย็น


ที่มา ... ไทยโพสต์

คนไทยกับภัย "อาหารถุง"

        เชื่อหรือไม่ อาหารถุงทั่วเมืองไทยปนเปื้อนเชื้อโคลิฟอร์มเกินครึ่ง โดยเฉพาะเมนูที่ปรุงด้วยกะทิ พวกแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน รวม ถึงขนมไทย ที่เข้าป้ายมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาติดๆ ด้วยอาหารประเภทผัดและผักลวก

        เชื้อโคลิฟอร์ม เป็นแบคทีเรียก่อโรคทางเดินอาหาร ที่ทำให้เกิดอาการตั้งแต่อาเจียน เป็นไข้ ปวดศีรษะ ท้องร่วง จนถึงขั้นร้าย แรงคือเสียชีวิตได้ แต่หากจะให้งดอาหารถุงเลยคงเป็นเรื่องยาก

        ฉะนั้นการกินอาหารถุงให้ปลอดภัยจึงอยู่ที่การเลือกซื้อจากร้านที่ ทำอาหารสะอาด คนขายสะอาด ภาชนะสะอาด มีเตาอุ่นร้อนตลอดเวลา และเมื่อซื้อกลับบ้านแล้วต้องอุ่นให้ร้อนอีกครั้งก่อนรับ ประทาน เพราะเชื้อโรคนี้จะตายเมื่อโดนความร้อน ที่สำคัญควรซื้อแต่พอรับประทานเท่านั้น

ที่มา  http://www.oknation.net/blog/diamond/2012/02/29/entry-1

10 เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก

10 เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก

        นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส จัดอันดับ 10 เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก โดยดูที่ระดับสาร แอนติออกซิแดนต์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ
        ปัจจุบันมีเครื่องดื่มหลายชนิดอ้างว่า ใส่สารต้านอนุมูลอิสระไว้ แต่หลายคนไม่ทราบว่าสารนี้คืออะไรกันแน่ สำหรับสารต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์เนื่องมาจากในขบวนการปฏิกิริยาชีวเคมี ที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย จะมีการขับของเสียที่ร่างกายได้รับ ได้แก่ ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ รังสียูวี เอกซเรย์
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอนุมูลอิสระที่มีอันตรายต่อเซลล์ในร่างกาย ที่อาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ภาวะข้อต่ออักเสบ ต้อกระจก และการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ อนุมูลอิสระจะทำลายเนื้อเยื่อเซลล์ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของดีเอ็นเอ
        ด้วยเหตุ นี้จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการมีเซลล์มะเร็ง และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่นำไปสู่ขบวนการเกิดโรคมะเร็ง

สำหรับ 10 อันดับเครื่องดื่มที่มีประโยชน์มากที่สุด คือ
 1. น้ำทับทิม
 2. ไวน์แดง
 3. น้ำองุ่นคอนคอร์ด
 4. น้ำบลูเบอร์รี่
5. น้ำแบล็กเชอร์รี่
 6. น้ำอะซาอี
 7. น้ำแครนเบอร์รี่
 8. น้ำส้ม
 9. น้ำชา
 10. น้ำแอปเปิ้ล - ปราฟดา

ที่มา ...teenrama.com
(เคล็ดลับสุขภาพ)

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แก้ความจำเสื่อมด้วยใบบัวบก



บัวบก มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ คือ Centella asiatica และมีชื่อภาษาอังกฤษ
คือ Tiger's herb ซึ่งมาจากการที่เสือบาดเจ็บ มักจะลงกลิ้งไปกลิ้งมาบนต้นบัวบก
ที่เลื้อยปกคลุมดิน เพื่อรักษาแผลให้ตัวเอง ผู้คนส่วนมากทราบกันว่าเป็นสมุนไพร
มีสรรพคุณแก้อาการช้ำใน แต่ในทางการแพทย์แผนโบราณยังมีการกล่าวถึง
สรรพคุณด้านการบำรุงประสาท ลดความบกพร่องในเรื่องการเรียนรู้และความจำ

จากการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและฤทธิ์ป้องกันภาวะสมองเสื่อมของบัวบก
ในวิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสรีรวิทยาทางการแพทย์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น ของคุณธนียา หาวิเศษ ในปี พ.ศ. 2549

ทดลองให้สารสกัดน้ำบัวบกแก่หนูตั้งแต่ 100, 300 และ 600 ม.ก.
ต่อน้ำหนักตัว (ก.ก.) เป็นเวลา 3 สัปดาห์ พบว่าสารสกัดบัวบกขนาด 100 ม.ก.
ต่อน้ำหนักตัว (ก.ก.) มีฤทธิ์คลายความกังวล นอกจากนั้นยังพบว่าสารสกัดขนาด
600 ม.ก. ต่อน้ำหนักตัว (ก.ก.) มีผลเพิ่มการเรียนรู้และความจำของหนูที่ใช้ทดลอง
ดังนั้น การศึกษานี้จึง สนับสนุนความน่าเชื่อถือในสรรพคุณของบัวบกตามแนวทาง
การแพทย์แผนโบราณ ดังกล่าว

สมุนไพรไทยใกล้ตัวที่มีประโยชน์ หาซื้อง่าย หรือจะปลูกเองก็ไม่ยุ่งยากอย่างบัวบก
สามารถนำมาประกอบอาหารรับประทานได้หลากหลาย โดยนำมาทำเป็นผักจิ้ม
ผักเคียง หรือคั้นแล้วดื่มน้ำจากใบบัวบก ก็บำรุงสมองได้ง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติ
แถมราคาประหยัดอีกด้วย

อันตรายจากน้ำมะนาวเทียม



ครที่ชอบทานส้มตำคงคุ้นตาดีกับภาพแส่ค้าขายส้มตำปรุงรสด้วยน้ำมะนาวสีเขียวใสๆ  ที่บรรจุอยู่ในขวดแก้ว (อันที่จริงก็ไม่ถึงกับทุกร้านหรอกนะครับ)  น้ำมะนาวที่เห็นนั้นเรียกว่าน้ำมะนาวเทียมหรือเกร็ดมะนาว  ให้มีรสเปรี้ยวแหลม  ราคาถูก  อีกทั้งยังมีสีสันคล้ายคลึงกันกับน้ำมะนาวจริงเกือบทุกประการ


สิ่งที่ต้องระวังสำหรับผู้ที่ทานน้ำมะนาวเทียมเป็นประจำก็คือ  เครื่องปรุงรสดังกล่าวผลิตมาจากกรด “ซิตริก”  ซึ่งถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม  มีความบริสุทธิ์น้อยและมีสารปนเปื้อน  ที่สำคัญต่อ สามารถย่อยสลายสิ่งต่างๆได้  ไม่เว้นแม้แต่อวัยวะภายในระบบทางเดินอาหารของผู้บริโภค  ผู้ที่ชื่นชอบอาหารรสแซบทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นต้มยำ  ส้มตา  หรือแม้แต่น้ำหวานหรือไอศกรีมรสมะนาวต้องคอยสังเกตวัตถุดิบที่พ่อค้า – แม่ค้าใช้ดูให้ดี


นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของอาหารที่มีสารปนเปื้อน  ในความเป็นจริงแล้ว  อาหารต่างๆ  ที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรม  และมุ่งหวังผลประโยชน์การค้อเป็นสำคัญ  ล้วนมีสารพิษชนิดใดชนิดหนึ่งที่เจือปนอยู่ทั้งนั้น  นับเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งของมนุษย์ยุคปัจจุบันที่ไม่อาจสืบทราบที่มา  ตลอดจนเส้นทางการเดินทางของอาหารที่ตนทานได้


หนทางป้องก้นจึงควรที่จะหลรกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีสารปนเปื้อน  หรือใช้วิธีการบริโภคอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน  หรือใช้วิธีการรับประทานอาหารเหล่านี้หมุนเนียนสับเปลี่ยนทานอาหารให้ได้หลากหลายประเภทโดยไม่ซ้ำหน้ากันก็จะช่วยลดความเสี่ยงสะสมในการรับและสะสมสารพิษภายในร่างกายลงได้



ที่มา : นิตยาสาร BE Well

อันตรายจากน้ำมะนาวเทียม



ครที่ชอบทานส้มตำคงคุ้นตาดีกับภาพแส่ค้าขายส้มตำปรุงรสด้วยน้ำมะนาวสีเขียวใสๆ  ที่บรรจุอยู่ในขวดแก้ว (อันที่จริงก็ไม่ถึงกับทุกร้านหรอกนะครับ)  น้ำมะนาวที่เห็นนั้นเรียกว่าน้ำมะนาวเทียมหรือเกร็ดมะนาว  ให้มีรสเปรี้ยวแหลม  ราคาถูก  อีกทั้งยังมีสีสันคล้ายคลึงกันกับน้ำมะนาวจริงเกือบทุกประการ


สิ่งที่ต้องระวังสำหรับผู้ที่ทานน้ำมะนาวเทียมเป็นประจำก็คือ  เครื่องปรุงรสดังกล่าวผลิตมาจากกรด “ซิตริก”  ซึ่งถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม  มีความบริสุทธิ์น้อยและมีสารปนเปื้อน  ที่สำคัญต่อ สามารถย่อยสลายสิ่งต่างๆได้  ไม่เว้นแม้แต่อวัยวะภายในระบบทางเดินอาหารของผู้บริโภค  ผู้ที่ชื่นชอบอาหารรสแซบทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นต้มยำ  ส้มตา  หรือแม้แต่น้ำหวานหรือไอศกรีมรสมะนาวต้องคอยสังเกตวัตถุดิบที่พ่อค้า – แม่ค้าใช้ดูให้ดี


นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งของอาหารที่มีสารปนเปื้อน  ในความเป็นจริงแล้ว  อาหารต่างๆ  ที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรม  และมุ่งหวังผลประโยชน์การค้อเป็นสำคัญ  ล้วนมีสารพิษชนิดใดชนิดหนึ่งที่เจือปนอยู่ทั้งนั้น  นับเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งของมนุษย์ยุคปัจจุบันที่ไม่อาจสืบทราบที่มา  ตลอดจนเส้นทางการเดินทางของอาหารที่ตนทานได้


หนทางป้องก้นจึงควรที่จะหลรกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีสารปนเปื้อน  หรือใช้วิธีการบริโภคอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน  หรือใช้วิธีการรับประทานอาหารเหล่านี้หมุนเนียนสับเปลี่ยนทานอาหารให้ได้หลากหลายประเภทโดยไม่ซ้ำหน้ากันก็จะช่วยลดความเสี่ยงสะสมในการรับและสะสมสารพิษภายในร่างกายลงได้



ที่มา : นิตยาสาร BE Well

สาระน่ารู้ รังแค คืออะไร และวิธีการกำจัด รังแค

                       สาระน่ารู้ รังแค คืออะไร และวิธีการกำจัด รังแค

   รังแคคืออะไร      รังแคเป็นโรคผิวหนังชนิดนึง  โดยทั่วไปเกิดขึ้นที่บริเวณหนังศีรษะที่พัฒนาในระหว่างการเจริญเติบโตตามปกติศีรษะ  ผิวของเซลล์ในหนังศีรษะปกติเซลล์เก่าตายและหลุดออกมา  โดยสาเหตุของการเกิดรังแคแบ่งได้ตามนี้คือ  รังแคที่เกิดจากภายในและรังแคที่เกิดจากภายนอก

                   รังแคที่เกิดจากสาเหตุภายใน  อาจจะเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน, โรคภูมิแพ้ให้นม, ถั่ว, ช็อตโลแกต  หรือหอย  ขาดการพักผ่อนหรือว่าเกิดความเครียดการบริโภคน้ำตาลหรืออาหารที่มีไขมันมากเกินไปก็ทำให้เกิดรังแคได้  นอกจากนี้ในบางคนยังเป็นรังแคที่เกิดจากพันธุกรรมอีกด้วย

                  รังแคที่เกิดจากสาเหตุภายนอก  เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมไม่ถูกต้อง  และอาจใช้ในจำนวนที่มากเกินไปอย่างเช่นแพ้น้ำยายืดผม  แพ้น้ำยาตัดผม  แพ้สีทำผม  สระผมแล้วล้างแชมพูไม่หมด  ทั้งนี้รวมไปถึงสภาพแวดล้อมทางอากาศเช่น  อากาศเย็น  ความร้อนแห้งความอับซื้นบนหนังศีรษะ

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

โทษของน้ำอัดลม...ที่มีผลต่อร่างกาย


1. ถ้าดื่มน้ำอัดลมมากและรับประทานอาหารอื่นน้อย จะทำให้ขาดสมดุลทางโภชนาการ ที่สำคัญคือในเด็กถ้าปล่อยให้ดื่มแต่น้ำอัดลมไม่ได้ดูแลให้รับประทานอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการ อาจขาดสารอาหารได้

2. ถ้าดื่มน้ำอัดลมในเวลาที่ใกล้จะถึงหรือในระหว่างรับประทานอาหารมื้อหลัก ทำให้อิ่มและทานอาหารได้น้อยลง

3. น้ำอัดลมทำให้ฟันผุ เนื่องจากน้ำอัดลมมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบในปริมาณมากและมีสภาวะเป็นกรดด้วย ได้แก่ กรดคาร์บอนิก จะไปกัดกร่อนเคลือบฟัน ทำให้ฟันผุได้

4. น้ำอัดลมทำให้ท้องอืด เพราะเกิดก็าซในกระเพาะอาหารและสภาวะที่เป็นกรดของน้ำอัดลมก็ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารด้วย

5. น้ำอัดลมดื่มได้พลังงานอย่างเดียว แต่เป็นพลังงานที่ว่างเปล่าหรือEmptycalories โดยไม่มีสารอาหารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีก

6. คาเฟอีนในน้ำอัดลมส่งผลต่อร่างกาย เช่น ในวัยเด็กที่ดื่มน้ำอัดลมที่ผสมคาเฟอีนจะมีรูปแบบการนอนที่ผิดแผกไปจากเดิม เด็กเหล่านี้จะนอนไม่หลับในเวลากลางคืนและง่วงนอนในตอนกลางวันทำให้เด็กมีผลการเรียนที่ต่ำลงกว่าเดิมด้วย คาเฟอีนที่มีในน้ำอัดลมบางชนิดจะไปกระตุ้นสมอง อาจทำให้ผู้ดื่ม (ที่ค่อนข้างไวต่อคาเฟอีน) เกิดใจสั่นและปวดศีรษะได้

7. การดื่มน้ำอัดลมบ่อย ๆ ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าไรนัก ถ้าดื่มทุกวันหรือทุกมื้ออาหารจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากโดยไม่จำเป็น

ที่มา http://www.learners.in.th/blogs/posts/236438

รู้อะไรเกี่ยวกับไข่บ้างหรือยัง??

- ทำไมไข่ทุกฟองไม่ฟักเป็นตัว
       ไข่ที่ถูกปล่อยออกมาตามท่อรังในขบวนการผลิตของไข่อย่าง สม่ำเสมอในแต่และฟอง สำหรับตัวแม่ไก่ก็พร้อมจะวางไข่ ใน กระบวนการนี้จะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจว่าไข่แต่ละฟองจะได้มีการปฏิสนธิหรือไม่ก็ตาม นั่นก็คือสาเหตุที่ไข่ไก่ทุกฟองไม่ฟักออกมาเป็นตัว

- อะไรมีประโยชน์กว่ากันระหว่างไข่ดิบกับไข่สุก
       ในขบวนการผลิตของไข่อาจทำให้สิ่ง สกปรกซึมผ่านตามรูพรุนของไข่ หรือไม่ไข่อาจได้รับเชื้อบางอย่างจากตัวแม่ ทำให้ไข่ดิบอาจจะมีเชื้อโรคปะปนอยู่ และไข่ขาวดิบยังย่อยยากอีกด้วย หากเรากินไข่ขาวดิบๆ เข้าไป มันจะผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ไปง่ายๆ โดยไม่ได้รับการย่อย ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ นี้ได้ หากคิดจะกินไข่ลวกควรลวกให้ไข่ขาวสุกเสียก่อน

- เก็บไข่อย่างไรให้ได้นาน

ลักษณะของเปลือกจะ เป็นรูพรุนตลอดทั้งฟอง รูที่เปลือกมีขนาดเล็กมาก โดยที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผิวของไข่ที่เราเห็นอยู่นั้นจึงดูเรียบเนียน เมื่อเปลือกมีรูพรุนทำให้ไข่สามารถดูดซึมกลิ่นต่างๆ เข้าไปได้ง่าย จึงไม่ควรเก็บไข่ไว้กับอาหารพวกที่มีกลิ่นฉุน เช่น กะปิ น้ำปลา ควรเก็บไข่ไว้ในตู้เย็นจะเหมาะกว่าเก็บไว้ในที่อุณหภูมิปกติ และควรเรียงไข่ลงในภาชนะแล้ววางไว้บนชั้นวางธรรมดาของตู้เย็นจะดีกว่าใส่ใน ช่องวางไข่ที่ผนังประตู เพราะบริเวณนี้จะมีอุณหภูมิที่สูงทำให้ไข่เสียเร็วขึ้น

- วางไข่ลงในลักษณะไหนถึงจะดี

         ควรวางด้านแหลมของไข่ลงและให้ด้านป้านอยู่บน ไข่แดงจะมีน้ำหนักเบากว่าไข่ขาว แม้จะพยายามลอยตัวขึ้นด้านบน แต่ก็จะปะทะกับโพรงอากาศที่อยู่ทางด้านป้านแทนการปะทะกับเปลือกไข่โดยตรง ไข่แดงจึงอยู่ตรงจุดกลางใบ หากเราเปลี่ยนเอาทางด้านป้านลงไข่แดงจะลอยขึ้นไปติดที่ เปลือกไข่ทำให้ไข่แดงแตกง่ายเวลาตอก ดังนั้นการเก็บไข่ที่ถูกต้องจึงควรนำด้านแหลมลงทุกครั้ง

- ประโยชน์ของไข่ไม่ใช่แค่เป็นอาหาร

ไข่แดง สามารถนำมาทำสบู่ สี แชมพู ตกแต่งหนังสัตว์ บำรุงผิว

ไข่ขาว นำมาทำเป็นส่วนประกอบของยางบางชนิด ทำสีทาสิ่งของ ทำกาว ทำหมึกพิมพ์ ช่วยย้อมหนัง แล้วยังกำจัดสิวเสี้ยนได้อีกด้วย

เปลือกไข่ นำมาทำอาหารสัตว์ ปุ๋ย และนำไปทำสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ได้อีกหลายอย่าง

Pitchaya's Food

ที่มา http://hot.ohozaa.com/002831-รู้อะไรเกี่ยวกับไข่แล้วหรือยัง.html

ชาร้อน ยับยั้งอัลไซเมอร์

ข่าวดีสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ทุกท่าน ที่ต่อไปไม่ต้องทานยาเยอะๆ อีกต่อไปแล้ว  เพราะแค่คุณดื่มชาวันละแก้ว ก็สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
ดร. เอ็ด โอเคลโล่ แห่งศูนย์วิจัยสมุนไพร มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ได้รายงานผลการวิจัยว่า การที่คุณดื่มชาเขียวหรือชาดำวันละ 1 ถ้วยทุกวัน สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะในชาเขียว และชาดำ มีสารที่ช่วยยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์
       นอกจากนี้การดื่มชาเขียวยังสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเบต้า-ซีเครเทส (Beta-secretase) ที่เป็นขั้นตอนในการผลิตตะกอนโปรตีนในสมองอันเป็นสาเหตุของการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ แต่คุณจะต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อย 1 อาทิตย์ถึงจะเห็นผลดี แต่หากคุณดื่มชาดำเพียงแค่ 1 วันคุณก็สามารถเห็นผล
ได้เร็วกว่าการดื่มชาเขียวหลายเท่า
       ถึงแม้ว่าแพทย์จะไม่สามารถรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายได้ แต่จากการวิจัยเรื่อง
การดื่มชา ก็สามารถยับยั้งและลดภาวะเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ราคาถูก
ผลข้างเคียงก็ไม่เกิด "ดื่มชาย่อมดีกว่าการรับประทานยานะคะ"

ที่มา  http://writer.dek-d.com/nuprimza/story/viewlongc.php?id=272173&chapter=4

ไมโครเวฟ..ทำให้เป็นอัลไซเมอร์

เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นไม่โครเวฟ อาจส่งผลให้เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้
       ทุกวันนี้เราอยู่กับไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ จึงมีข้อสงสัยว่าอุปกรณ์แม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้มีผลกับอวัยวะและระบบประสาท หรือไม่
       ดังนั้น นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Mainz ในประเทศเยอรมนีจึงได้ทำการศึกษาวิจัยเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีผลกับโรค อัลไซเมอร์และโรค ALS ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท ทั้งนี้ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยซูริกชี้ให้เห็นว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูงที่ ผ่านความร้อนมีผลเสียกับการทำงานของสมอง พวกเขาทดลองกับอาสาสมัครโดยให้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ความถี่ 900 เมกกะเฮิร์ต (ซึ่งเท่ากับความถี่ของเทเลคอมจากโทรศัพท์มือถือ) ก่อนที่พวกเขาจะไปนอน พบว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีผลกับสมองของอาสาสมัครระหว่างการนอนหลับ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีอาชีพต้องอยู่กับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นเวลานาน เช่น ช่างเชื่อมเหล็ก มีความเสี่ยงสูงกับโรคอัลไซเมอร์และ ALS หรือผู้ที่รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแรงต่ำเป็นเวลานาน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านก็มีความเสี่ยงกับโรคอัลไซเมอร์และ ALS เช่นกัน

ที่มา  http://www.2poto.com/201101052038/2011-01-05-05-57-47-2038.html

รีไซเคิล


ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=BenP5WHxLRw

ทำไมถึงเรียกปูอัด ทั้งที่ทำมาจากปลา

ทราบกันหรือเปล่าครับว่า ปูอัดทำมาจากปลา บางคนทราบ บางคนไม่ทราบ คำถามคือ แล้วทำไมจึงเรียกปูอัดละ วันนี้มีคำตอบครับ
       ปูอัดนั้น ภาษาทางการเรียกว่า เนื้อปูเทียม การผลิตเนื้อปูเทียม เกิดจากความคิดที่ว่า ปลาที่จับได้ในปัจจุบันส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ถือว่าไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจเพราะผู้บริโภคไม่นิยมราคาจึงถูกมาก ประมาณร้อยละ ๙๐ ของปลาขนาดเล็กหรือที่เรียกว่า ปลาเป็ด จะถูกนำไปทำเป็นปลาป่นสำหรับใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์ นับได้ว่าเป็นการใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และแล้วบริษัทแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นก็คิดค้นนำปลาดังว่านี้มาทำเป็นเนื้อปูเทียมขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๑๘

       ไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีศักยภาพในการทำประมง และมีบริษัทผลิตเนื้อปูเทียมมานานหลายปีแล้ว ปลาที่ใช้ได้แก่ ปลาทรายแดง ปลาทรายขาว ปลาตาโต ปลาดาบ ปลากะพง ฯลฯ วิธีทำเริ่มต้นจากการนำปลามาตัดหัว ควักไส้ทิ้ง ส่งเข้าเครื่องบีบเอาแต่เนื้อปลา นำปลาบดที่ได้มาผสมเครื่องปรุงจำพวกแป้ง น้ำตาล เกลือ ผงชูรส และกลิ่นปู เสร็จแล้วนำไปทำให้สุกและทำให้เนื้อปลามีลักษณะเป็นเส้นเหมือนเนื้อปูจริง ๆ จากนั้นจึงอัดเป็นแท่งยาว ๆ แล้วตกแต่งสีให้ดูเหมือนเนื้อปูจริง ๆ บางบริษัทถึงกับอัดเนื้อปูเทียมเป็นรูปก้ามปู (ที่แกะเปลือกแล้ว) ดูน่ากิน
       อย่างไรก็ตาม มีผู้บริโภคจำนวนมากคิดว่าปูอัดเป็นเนื้อปูจริง ๆ พอรู้ในภายหลังว่าทำมาจากเนื้อปลา ถึงกับเลิกกินไปเลยก็มี
ที่มา หนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี

ที่มา   http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_06184.php

เตือนภัย กาแฟลดความอ้วน


ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=X7z52ZTDMLo&feature=related

เงาะโรงเรียน ทำไมเงาะอาชีวะหรือเงาะมหาวิทยาลัย

ก็เพราะเงาะพันธ์นี้ไม่ได้ปลูกในวิทยาลัยอาชีวะหรือในมหาวิทยาลัยนะสิ
       เงาะโรงเรียนหรือเงาะพันธุ์โรงเรียน เป็นเงาะพันธุ์ที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน เงาะในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ตลอดทั้งเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะอินเดียตะวันออก ก็ไม่มีประเทศใดที่มีเงาะคุณภาพดีเท่ากับเงาะพันธุ์โรงเรียน แม้แต่ในมาเลเซียซึ่งเราได้เมล็ดเงาะพันธุ์นี้มา จึงกล่าวได้ว่าเงาะพันธุ์โรงเรียนเป็นเงาะพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้

       คำว่า "โรงเรียน" หมายถึง โรงเรียนนาสาร อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานีเงาะต้นแม่พันธุ์มีเพียงต้นเดียว ปลูกด้วยเมล็ดเมื่อปี พ.ศ.2469 โดยชาวจีนผู้หนึ่งมีสัญชาติมาเลเซีย ชื่อ Mr. K. Wong มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่เมืองปีนัง บุคคลผู้นี้ได้เข้ามาทำเหมืองแร่ดีบุกที่หมู่บ้านเหมืองแกะ ตำบลนาสาร อำเภอบ้านนาสาร ตรงกันข้ามกับโรงเรียนนาสาร เมื่อ Mr. K. Wong มาทำเหมืองแร่ก็ซื้อที่ดินริมทางรถไฟด้านทิศตะวันตก ใกล้กับสถานีรถไฟนาสารเป็นเนื้อที่ 18 ไร่ แล้วสร้างบ้านพักบนที่ดินดังกล่าว เมื่อสร้างบ้านเสร็จ Mr. K. Wong ก็นำพันธุ์(เมล็ด)เงาะมาจากเมืองปีนัง(ขณะนี้เงาะพันธุ์นี้ที่เมืองปีนึงไม่มีแล้ว) มาปลูกข้างบ้านพักจำนวน 4 ต้น ต่อมาปรากฏว่าเงาะมีลูกเป็นสีเหลืองบ้าง แดงบ้าง รสเปรี้ยวบ้าง หวานบ้าง เฉพาะต้นที่ 2 นับจากทิศตะวันออกมีลักษณะพิเศษกว่าต้นอื่น คือ เนื้อสุกแล้วเปลือกผลเป็นสีแดง แต่แม้สุกจัดเท่าไหร่ก็ตาม ขนที่ผลยังมีสีเขียวอยู่ รูปผลค่อนข้างกลม เนื้อกรอบ หวาน หอม เปลือกบาง เงาะต้นนี้คือ "เงาะพันธุ์โรงเรียน"

     สาเหตุที่เรียกว่าเงาะพันธุ์โรงเรียน เพราะในปี พ.ศ.2479 Mr. K. Wong ต้องเลิกล้มกิจการเหมืองแร่และเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองปีนังภูมิลำเนาเดิม จึงขายที่ดินดังกล่าวพร้อมด้วยบ้านพักให้แก่กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ) แผนกธรรมการ อำเภอบ้านนา (อำเภอบ้านนาสาร) ทางราชการจึงปรับปรุงบ้านพักใช้เป็นอาคารเรียน และย้ายโรงเรียนนาสารซึ่งขณะนั้นตั้งอยู่ที่วัดนาสารมาอยู่อาคารดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 พฤศจิการยน พ.ศ.2479 แต่เงาะพันธุ์โรงเรียนในขณะนั้นยังมิได้แพร่หลายแต่ประการใด เนื่องจากการส่งเสริมทางการเกษตรยังไม่ดีพอ ในปี พ.ศ.2489-2498 มีบุคคลตอนกิ่งไปขายพันธุ์เพียง 3-4 รายเท่านั้น
       ครั้นถึงปี พ.ศ.2500-2501 ได้มีกรรมวิธีแพร่พันธุ์เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือการทาบกิ่ง มีการทาบกิ่งเงาะต้นนี้ไปเป็นจำนวนมาก ในระยะเดียวกันนั้น เงาะที่มาจากจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส คือเงาะพันธุ์ยาวี เจ๊ะโมง เปเราะ ก็เข้ามาแพร่หลายพอสมควร ประชาชนเห็นว่าเงาะต้นนี้ยังไม่มีชื่อ จึงชักชวนกันเรียกเงาะต้นนี้ว่า "เงาะพันธุ์โรงเรียน" เพราะต้นแม่พันธุ์อยู่ที่โรงเรียนนาสาร
ปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯมาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้นำชาวสวนเงาะผู้หนึ่งได้ทูลเกล้าฯถวายเงาะพันธุ์โรงเรียน และขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานชื่อพันธุ์เงาะนี้เสียใหม่ พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสว่า "ชื่อเงาะพันธุ์โรงเรียนดีอยู่แล้ว" นับแต่นั้นมา ไม่มีใครกล้าที่จะเปลี่ยนชื่อเงาะพันธุ์นี้อีกต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : 108 ซองคำถาม

ที่มา http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_06190.php

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

รังแคคืออะไร


   
        รังแคคืออะไร  รังแคเป็นโรคผิวหนังชนิดนึง  โดยทั่วไปเกิดขึ้นที่บริเวณหนังศีรษะที่พัฒนาในระหว่างการเจริญเติบโตตามปกติศีรษะ  ผิวของเซลล์ในหนังศีรษะปกติเซลล์เก่าตายและหลุดออกมา  โดยสาเหตุของการเกิดรังแคแบ่งได้ตามนี้คือ  รังแคที่เกิดจากภายในและรังแคที่เกิดจากภายนอก

       รังแคที่เกิดจากสาเหตุภายใน  อาจจะเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน, โรคภูมิแพ้ให้นม, ถั่ว, ช็อตโลแกต  หรือหอย  ขาดการพักผ่อนหรือว่าเกิดความเครียดการบริโภคน้ำตาลหรืออาหารที่มีไขมันมากเกินไปก็ทำให้เกิดรังแคได้  นอกจากนี้ในบางคนยังเป็นรังแคที่เกิดจากพันธุกรรมอีกด้วย

       รังแคที่เกิดจากสาเหตุภายนอก  เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมไม่ถูกต้อง  และอาจใช้ในจำนวนที่มากเกินไปอย่างเช่นแพ้น้ำยายืดผม  แพ้น้ำยาตัดผม  แพ้สีทำผม  สระผมแล้วล้างแชมพูไม่หมด  ทั้งนี้รวมไปถึงสภาพแวดล้อมทางอากาศเช่น  อากาศเย็น  ความร้อนแห้งความอับซื้นบนหนังศีรษะ

  วิธีแก้ปัญหาเมื่อรังแคมาเยือน
       สระผมด้วยน้ำเย็น  จะช่วยให้หนังศีรษะไม่แห้งและลอกเป็ยขุยซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรังแค  และยังทำให้ผมดูนุ่มสวยเงางามได้อีกด้วย
       หลักเลี่ยงแสงแดดที่จัด  เพราะแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายเส้นผมและหนังศีรษะ  ทำให้เกิดหนังศีรษะแห้ง  เส้นผมชี้ฟู  ขาด น้ำหนัก  และไม่เงางาม
       นวดบำบัดขจัดรังแค  ทุกครั้งที่สระผมควรรวดศีรษะเบาๆ  ซึ่งนอกจากช่วยผ่อนคลายความเครียดแล้ว  ยังสามารถขจัดเซลล์หนังศีรษะที่ตายให้หลุดออกได้ง่ายขึ้น
       เลือกยาสระผมให้เหมาะสม  ควรเลือกให้ยาสระผมที่ช่วยขจัดรังแคอย่างสม่ำเสมอ  และควรล้างแชมพูให้สะอาดทุกครั้งหลังสระผม  เพื่อขจัดสารเคมีที่ตกค้าง
       รับประทางอาหารที่มีประโยชน์  ควรรับประทานอาหารที่มีส่วนปะรกอบของธาตุสังกระสีวิตามินบี ซี  และอี  อยู่เสมอ  เพื่อการบำรุงหนังศีรษะ
         
 ที่มา : นิตยสาร Spicy
            http://www.krabork.com/2012/03/16/รังแค-คืออะไร-และวิธีกา/#more-1145

อันตราย..เมื่อสารก่อมะเร็ง ถูกพบในสบู่เหลว


         

       ตามรายงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเด็ก ของกลุ่มรณรงค์เพื่อเครื่องสำอางที่ปลอดภัย เผยว่าเด็กทารกทั่วอเมริกากำลังอาบน้ำด้วยสบู่เหลวที่เต็มไปด้วยสารก่อ มะเร็ง และสารพิษอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
       และ ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์หลายยี่ห้อในอเมริกาจะใช้คำโฆษณาบ่งบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ ที่บริสุทธิ์ อ่อนโยน สดชื่น เป็นธรรมชาติ แต่จากข้อมูลขององค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่ทำงานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่า จะเป็นสบู่เหลวอาบน้ำสำหรับเด็ก โลชั่นสำหรับทารก และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเด็กเล็กโดยไม่เปิดเผยตราสินค้า ให้กับห้องแล็ปหลายแห่งทดสอบการปนเปื้อนของสาร 1,4-dioxane (สารสังเคราะห์เลียนแบบมะพร้าวที่มีความเข้มข้นสูง สามารถซึมลงสู่ผิวได้ดี) และ Formaldehyde (สารที่ใช้ในวงการแพทย์ สำหรับใช้ฆ่าเชื้อโรคในเครื่องมือต่าง ๆ) โดยสารก่อมะเร็งทั้ง 2 ชนิดนี้ มักไม่ปรากฏบนฉลากแสดงส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าถูกใช้อย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว



ที่มา http://article.zubzip.com/category/10/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B5

กินพออิ่มทำให้หน้าเด็ก

วิธีถนอมสายตา จากคอมพิวเตอร์


       เริ่มจาก ‘จอภาพ’ ควรห่างจากสายตาประมาณ 1 ช่วงแขน และ ตั้งกับโต๊ะที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป หากระยะห่างระหว่างจอกับตาไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้รู้สึกเมื่อยล้าและปวดตาได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณไหล่และหลังเกร็ง เนื่องจากท่านั่งไม่สมดุล และต้องก้ม-เงย เป็นเวลานาน

       ปรับแสงหน้าจอคอมฯ ให้รู้สึกสบายตา โดย ดูจากสภาพแวดล้อมในห้องด้วยว่า เมื่อส่องมากระทบจะมีแสงจ้าเกินไปหรือไม่ เพราะแสงที่สว่างมากจะส่งผลเสียต่อตาได้ง่าย อาจทำให้รู้สึกแห้งและแสบตา นอกจากนี้ อาจติดแผ่นกรองรังสี เพื่อลดการกระจายแสง

       คลายความล้า โดยหยุดพักทุก 30 นาที มอง ไปไกล ๆ หรือหลับตาประมาณ 5 นาที จากนั้น อาจเปลี่ยนอิริยาบถยืดเส้นยืดสาย เพื่อลดปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากการใช้คอมฯ เป็นเวลานาน

       หลังทำงานเสร็จ หลับตา แล้วใช้น้ำเย็นชโลมดวงตา หรือหาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาปะคบประมาณ 5 นาที จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา และทำให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาได้ดี
ลองทำตามคำแนะนำ ที่สะกิดนำมาฝากกันนะคะ ไม่ยากเลยค่ะ ^-^

ที่มา http://sakid.com/2011/07/16/30088/

น้ำผึ้งผสมมะนาว แก้อาการไอ


สำหรับคนที่เป็นหวัด ป่วย ไอ เรื้อรัง ไม่ชอบทานยา หรือทานยาแล้วไม่หาย ลองทำตามสูตรนี้ค่ะ
น้ำผึ้งผสมมะนาว แก้อาการไอ

วิธีทำ
       ผสมน้ำผึ้ง 3 – 4 ส่วน น้ำมะนาว 1 ส่วนกับน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นสักแก้ว
ถ้าใครนอนไม่หลับ ลองตื่นมาทานน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวร้อนๆสักแก้ว รับรอง นอนหลับฝันดีเลยค่ะ
       น้ำผึ้งนั้นไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ และน้ำผึ้งที่ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สเตท นี้ศึกษาเป็นน้ำผึ้งชนิดสีเข้มซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระด้วย และนักวิจัยระบุว่าเหตุที่น้ำผึ้งสามารถช่วยบรรเทาอาการไอได้นั้นก็เพราะว่ามันทำให้ลื่นคอและรู้สึกผ่อนคลายที่ลำคอ

วิธีสังเกตน้ำผึ้งแท้

       หากเป็นน้ำผึ้งปลอมที่เพียงแต่เปิดฝาขวดออกมา มีกลิ่นน้ำอ้อยโชยมาแตะจมูกละก็…มิใช่น้ำผึ้งแท้อย่างแน่นอน
       น้ำผึ้งที่ดีควรมีกลิ่นหอมของดอกไม้ ที่ระบุไว้บนฉลากข้างขวดน้ำผึ้ง เช่น น้ำผึ้งลำไยก็ควรมีกลิ่นของลำไย เป็นต้น น้ำผึ้งต้องมีความหนืด แม้ในอากาศร้อนหรืออุณหภูมิห้อง น้ำผึ้งที่ดีต้องมีสีอ่อนตามธรรมชาติที่ได้เก็บเกี่ยวมา
       ถ้าน้ำผึ้งมีสีเข้มมากจนดำ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งที่เก็บมานานแล้ว ซึ่งน้ำผึ้งที่เก็บมานานจะมีคุณประโยชน์ลดลงเรื่อย ๆ
       น้ำผึ้งที่ดีต้องไม่แยกชั้น ต้องอยู่เป็นเนื้อเดียวกัน แม้ในบางครั้งอาจพบน้ำผึ้งเกิดการตกผลึกได้เนื่องจากน้ำผึ้งที่ได้จากการเลี้ยงด้วยดอกไม้ต่างชนิดกัน
       แต่น้ำผึ้งแท้ที่ตกผลึกนั้นจะมีผลึกเป็นแท่งเหลี่ยมแหลมเปราะบาง และถ้าน้ำผึ้งนั้นตกผลึกทั้งขวดจะมองเห็นสีผลึกเป็นสีเดียวกันทั้งขวดไม่เป็นสีเข้มปนสีอ่อนตกผลึกอยู่ที่ก้นขวด เหนือผลึกขึ้นมาเป็นของเหลวเป็นส่วนมากและสีของเหลวนั้นมักมีสีเข้มกว่าผลึกอย่างเห็นได้ชัด

เลือกซื้อน้ำผึ้งแท้ด้วยนะคะ เพราะน้ำผึ้งปลอม ไม่มีผลยืนยันทางการแพทย์ค่ะ ^-^

ที่มา  http://sakid.com/2012/03/30/31194/

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำมะพร้าว...มีประโยชน์มากกว่าที่คิด

      " น้ำมะพร้าว" ถือเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ เพราะต้นมะพร้าวมีลำต้นสูง  ต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่างๆ ของลำต้นกว่าจะถึงลูกมะพร้าวที่อยู่ข้างบนน้ำมะพร้าวที่ได้มาจึงบริสุทธิ์มาก และอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียมเหล็ก โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง กรดอะมิโน กรดอินทรีย์และวิตามินบี แถมย ังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ภายใน 5 นาที และยังเป็นประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกายด้วย


น้ำมะพร้าวช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์
      การดื่มน้ำมะพร้าวทุกวันจะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์ได้ จากผลงานวิจัยของดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนสูง  ซึ่งมีผลช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง

      นอกจากนี้ การดื่ม  น้ำมะพร้าวเป็นประจำทุกวันยังสามารถช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าปกติและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นอีกด้วย

น้ำมะพร้าวช่วยให้ผิวพรรณสดใส

       น้ำมะพร้าวสามารถช่วยเสริมสร้างความสวยใสของผิวพรรณ ทำให้เปล่งปลั่งและขาวนวลขึ้นจากภายในสู่ภายนอก  เพราะในน้ำมะพร้าวมีเอสโตรเจนอยู่ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน  ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ และในน้ำมะพร้าวยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดี  แถมยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย ( คล้ายๆ กับการทำดีท็อกซ์)  จึงช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส

อีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายในช่วงที่มีความเป็นกรดสูง  ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในเป็นปกติ ส่งผลให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

..น้ำมะพร้าว
     "สปอร์ตดริ๊งค์" จากธรรมชาติ
เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีปริมาณเกลือแร่ที่จำเป็นสูง รวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาความอ่อนเพลียเนื่องจากอาการท้องเสียหรือท้องร่วงได้จึงจัดเป็นสปอร์ตดริ๊งค์ (Sport Drink) สามารถดื่มหลังการสูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย
 
      นอกจากนี้ ในประเทศไต้หวันและประเทศจีน ยังนิยมดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อลดอาการเมาหลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย  น้ำมะพร้าวเป็นอาหารบริสุทธิ์ และเต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายดูดซึมเข้าไปใช้ได้ง่าย  นอกจากนั้นมะพร้าวยังเป็นผลไม้ที่มีความเป็นด่างสูง สามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไป
      หมอพื้นบ้านไทยถือกันว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น  ใช้รักษาโรคกระดูกได้ ส่วนคนจีนเชื่อว่า น้ำมะพร้าวมีฤทธิ์เป็นกลาง  ไม่เป็นทั้งหยินและหยาง มีสรรพคุณในการขับพยาธิ สำหรับคนไข้ที่อาเจียนและท้องร่วงในเวลาเดียวกัน  สามารถดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมกลูโคสไปใช้ในเวลาอันรวดเร็วได้..


     น้ำมะพร้าวดื่มได้ทุกวัน ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติทำให้ร่างกายสดชื่น ไม่เป็นอันตรายเหมือนน้ำอัดลม น้ำหวานหรือน้ำที่ผ่านการปรุงแต่ง เพราะไม่ทำให้เกิดพิษหรือทัอกซินขึ้นในร่างกาย แต่สำหรับคนที่เป็นโรคไตและโรคเบาหวานไม่ควรดื่ม  เพราะน้ำมะพร้าวมีความหวาน ไม่เหมาะกับโรคดังกล่าว และไม่ควรดื่มในสตรีที่กำลังมีประจำเดือน เพราะจะทำให้ประจำเดือนหยุดเนื่องจากมีฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำให้ผนังเยื่อบุมดลูกหยุดการลอกตัว

      น้ำมะพร้าวเปิดลูกแล้วควรดื่มเลย ไม่ควรทิ้งไว้นาน ถ้าเราตัดหรือหั่นผลไม้ อย่าทิ้งไว้เกินครึ่งชั่วโมง แม้จะเก็บในตู้เย็นก็ตามค่ะ ควรกินให้หมดในครั้งเดียว ผลไม้แต่ละอย่างจะมีพลังชีวิต ถ้ากินผลไม้สุกจากต้นจะได้รับพลังชีวิตสูง  หากเก็บทิ้งค้างไว้ พลังชีวิตหรือคุณค่าของผลไม้จะลดต่ำลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่เก็บ

อย่าลืมดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราเองค่ะ...

ที่มา http://thaiherbclinic.com/node/1467

 

ความจำแย่แก้ได้ด้วย4วิธี


      วัยที่เพิ่มขึ้นบางครั้งอาจทำให้เริ่มหลงลืม ปัญหานี้บรรเทาได้ด้วยเทคนิค 4 ข้อ แนะวัยทำงานปฏิบัติดี วัยเรียนปฏิบัติเลิศ
     
         วิธีแรก โฟกัสสายตา โดยนั่งจ้องวัตถุ หรือ เหตุการณ์ตรงหน้า จดจำรายละเอียดให้มากที่สุด นานประมาณ 3 นาที จากนั้น ละสายตา แล้ววาดสิ่งที่เห็นบนกระดาษ เมื่อเสร็จตรวจดูว่ามีสิ่งใดตกหล่นไปหรือไม่ ฝึกสม่ำเสมอจะช่วยพัฒนาความจำระยะสั้น บริหารสมอง และเสริมประสิทธิภาพความจำด้านสายตา
      
         วิธีต่อมา รับประทานอาหารอุดมวิตามินซี, อี และเบต้าแคโรทีน โดยเฉพาะส้ม องุ่น เบอร์รี ผักสีเขียว ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ทั้งนี้ ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า ผู้บริโภควิตามินซีสูง มีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุด
     
         ตามด้วย การทำกิจกรรมท้าทายความคิด เมื่ออายุเริ่มเข้าเลขสาม สมองจะเริ่มทำงานช้าลง ดังนั้น ควรหางานอดิเรกยามว่างที่สนุกสนานทำ เช่น เต้นแทงโก้ เรียนภาษาใหม่ ต่อจิ๊กซอว์ เกมส์ปริศนาอักษรไขว้ เล่นปิงปอง เป็นต้น ช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของสมอง และความจำได้ดี
    
          สุดท้าย นอนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เซลล์ประสาทจะสื่อสารกันได้มากขึ้น ส่งผลต่อการเรียนรู้ และความจำ.

ที่มา  ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

หายปวดฟันทันใจ ‘เกลือสมุทร+สารส้ม’


          เวลามีอาการปวดฟัน ทรมานอย่าบอกใคร ผู้ที่เคยมีประสบการณ์คงเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ‘มุมสุขภาพ’ สรรหาสูตรยาภูมิปัญหาชาวบ้าน เสมือนเป็นยาแก้ปวดฟันแบบเฉพาะหน้ายามที่ยังไม่สามารถพบทันตแพทย์ได้

         สูตรนี้ให้เตรียมเกลือสมุทรเอาไปตำให้ละเอียด 1/2 ช้อนชา และสารส้มที่นำไปตำละเอียดเช่นเดียวกันอีก 1/2 ช้อนชา ได้แล้วใส่ถ้วยเพื่อผสมให้เข้ากัน จากนั้นล้างมือให้สะอาด ก่อนใช้นิ้วป้ายส่วนผสมแล้วทาเข้าไปในช่องปากตรงบริเวณที่รู้สึกปวดฟัน ช่วยลดอาการปวดฟันได้ในไม่ช้า

         หากเกรงว่าส่วนผสมจะกระจายตัวเร็วเกินไป ให้ห่อเกลือสมุทรและสารส้มละเอียดนั้นด้วยสำลีแผ่นบางหุ้มผ้าก๊อส เอาใส่ปากกัดเบาๆ ไว้ให้ตรงบริเวณที่ปวดฟันก็ได้เช่นกัน

         แม้สารส้มจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะส่วนใหญ่ก็นิยมใช้สารส้มแกว่งน้ำเพื่อให้สิ่งสกปรกตกตะกอน แล้วนำนำมาไปดื่มไปใช้ แต่หากกินสารส้มในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้บางคนเกิดแพ้พิษของสารส้ม ซึ่งจะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ซึม

         อย่างไรก็ตาม หลังบรรเทาอาการปวดด้วยสูตรเกลือสมุทรกับสารส้มแล้ว ควรไปพบทันตแพทย์ตรวจหาสาเหตุของการปวดฟันและรับการรักษาให้ตรงจุด.

ที่มา : ทีมเดลินิวส์ออนไลน์    http://www.dailynews.co.th/article/822/4021